1.กฎหมายคุ้มครองเด็ก กำหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองเด็ก 3 ระดับ ได้แก่ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด เพื่อทำหน้าที่ในการคุ้มครองเด็ก มีสาระสำคัญดังนี้
การสงเคราะห์เด็ก เด็กที่ได้รับการสงเคราะห์มีหลายประเภท ได้แก่
- เด็กเร่ร่อน คือ เด็กที่ไม่มีผู้ปกครอง หรือมีแต่เลี้ยงดูไม่ได้
- เด็กที่ผู้ปกครองไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูได้
-เด็กที่ผู้ปกครองมีพฤติกรรมหรือประกอบอาชีพที่ไม่เหมาะสม - เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยมิชอบ คือ เด็กที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
- เด็กพิการ คือ เด็กที่มีความบกพร่อง
- เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์ ได้แก่ เด็กที่กระทำความผิด หรือเด็กที่ศาล พนักงานอัยการ หรือพนักงานสอบสวนเห็นว่าต้องได้รับการสงเคราะห์
การคุ้มครองเด็ก เด็กที่ได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพมี 3 ลักษณะ ได้แก่
- เด็กที่ถูกทารุณกรรม
- เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
- เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ
การปฏิบัติต่อเด็ก กฎหมายกำหนดวิธีการปฏิบัติต่อเด็กไว้ 3 ประการ คือ
- ต้องให้เด็กได้รับประโยชน์สูงสุด
- ต้องให้เด็กได้รับการอุปการะเลี้ยงดู
- ต้องไม่ปฏิบัติต่อเด็กโดยมิชอบ
การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา ได้แก่
- การให้คำปรึกษาแนะนำ เพื่อให้มีความประพฤติที่เหมาะสม และเกิดความปลอดภัยแก่นักเรียนและนักศึกษา
- การปฏิบัติตนตามระเบียบ ไม่ปฏิบัติสิ่งที่ไม่เหมาะสม
ประโยชน์ของการปฏิบัติตนตามกฎหมายคุ้มครองเด็ก
- ประโยชน์ต่อตนเอง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ดีและเป็นภัย
- ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม หากลูกที่ดี ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนและสังคมก็อบอุ่นด้วย
2.กฎหมายการศึกษา
สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา
- การจัดการศึกษา การศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี
- หน้าที่ของบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง จะต้องให้บุตรหรือบุคคลในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับจำนวน 9 ปี
- ผู้มีสิทธิในการจัดการศึกษา สถาบันทางสังคมอื่นมีสิทธิจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
- สิทธิประโยชน์ของบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง รัฐบาลจะให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ
- สิทธิประโยชน์ของผู้สนับสนุนหรือจัดการศึกษา มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ตามควร
ระบบการศึกษา มี 3 รูปแบบ คือ
การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน การศึกษาในระบบมี 2 ระดับ ได้แก่
- การศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ การศึกษาไม่น้อยกว่า 12 ปี
- การศึกษาระดับอุดมศึกษา แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับต่ำกว่าปริญญา และระดับปริญญา
การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่ยืดหยุ่นการกำหนดเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษา เหมาะสมกับความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ
แนวการจัดการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษาใด ต้องเน้นความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ ดังนี้
- ความรู้เกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม
- ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร
- ความรู้เกี่ยวกับศาสนา การกีฬา ศิลปวัฒนธรรม และการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา
- ความรู้และทักษะด้านคณิตศาสตร์และด้านภาษา
- ความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิต
ประโยชน์ของการปฏิบัติตนตามกฎหมายการศึกษา
- ประโยชน์ต่อตนเอง มีจิตสำนึกด้านคุณธรรมและจริยธรรม
- ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม ประเทศชาติมีบุคลากรในการพัฒนาชาติให้เจริญต่อไป
3. กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
** สิทธิของผู้บริโภค** ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับความคุ้มครอง 5 ประการ ดังนี้
-สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ
- สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ
- สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ
- สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา
- สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย
การคุ้มครองผู้บริโภค
การคุ้มครองผู้บริโภคด้านการโฆษณา ได้แก่
- ข้อความที่เป็นเท็จ
- ข้อความที่ทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญ
- ข้อความที่สนับสนุนให้กระทำผิด
- ข้อความที่ทำให้ประชาชนแตกแยก
- ข้อความอื่นตามที่กฎหมายกำหนด
การคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก ฉลากของสินค้าที่ควบคุมจะต้องมีลักษณะดังนี้
- ให้ข้อมูลที่เป็นจริง
- ต้องระบุชื่อเครื่องหมายการค้า
- ต้องระบุ ราคา ปริมาณ วิธีใช้ ข้อแนะนำ ตำเตือน วัน เดือน ปีที่หมดอายุ
การคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา กำหนดให้การประกอบธุรกิจรายใดที่กฎหมายกำหนดให้ทำเป็นหนังสือสัญญาต้องเป็นธรรมต่อลูกค้า **การคุ้มครองผู้บริโภคโดยประการอื่น **คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีสิทธิให้ผู้ประกอบการทำการทดสอบสินค้า **องค์กรที่ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค **มีรายละเอียดดังนี้
-คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จัดตั้งขึ้นเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้บริโภค
- สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เป็นหน่วยงานภาครัฐที่ให้บริการแก่ผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิจากการใช้สินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบธุรกิจ
ประโยชน์ของการปฏิบัติตนตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
- ประโยชน์ต่อตนเอง ได้แก่ ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรม และได้รับการชดเชยความเสียหาย
- ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม ให้ผู้ประกอบการทราบ เมื่อสินค้าถูกร้องเรียน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจะให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการ
4. กฎหมายลิขสิทธิ์
ประเภทของงานลิขสิทธิ์ ได้แก่
งานที่มีลิขสิทธิ์ เป็นงานสร้างสรรค์ประเภทต่าง ๆ ได้แก่
- งานวรรณกรรม
- งานนาฏกรรม
- งานศิลปกรรม
- งานดนตรีกรรม
- งานโสตทัศนวัสดุ
- งานภาพยนตร์
- งานสิ่งบันทึกเสียง
- งานแพร่เสียงและภาพ
- งานอื่น ๆ ในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ
งานที่ไม่มีลิขสิทธิ์ ได้แก่
- ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริง
- รัฐธรรมนูญและกฎหมาย
- ระเบียบ ข้อบังคับ
- พิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงาน
- แปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ
การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ มีดังนี้
- งานที่สร้างสรรค์ขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง
- งานที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยรับจ้างจากบุคคลอื่น
- งานดัดแปลงงานที่มีลิขสิทธิ์
- งานที่นำงานที่มีลิขสิทธิ์มารวบรวมหรือประกอบเข้ากัน โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์
การคุ้มครองลิขสิทธิ์ เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการกระทำการ ดังนี้
- ทำซ้ำหรือดัดแปลง
- เผยแพร่ต่อสาธารณชน
- ให้เช่าต้นฉบับ
- ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์
- อนุญาตให้ผู้อื่น ทำซ้ำหรือดัดแปลง เผยแพร่
อายุในการคุ้มครองลิขสิทธิ์
- งานทั่วไป ลิขสิทธิ์จะมีอยู่ตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ และจะอยู่ต่อไปอีก 50 ปีนับจากผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย และยังคุ้มครองแยกตามประเภทของผู้สร้างสรรค์
- งานภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ ให้ลิขสิทธิ์มีอายุ 50 ปี แต่หากมีโฆษณา ให้ลิขสิทธิ์เวลา 50 ปี ตั้งแต่โฆษณา
- งานศิลปประยุกต์ ให้ลิขสิทธิ์มีระยะเวลา 25 ปี ตั้งแต่วันที่โฆษณา
- งานที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยการว่าจ้าง ให้ลิขสิทธิ์มีอายุ 50 ปี แต่หากมีโฆษณา ให้ลิขสิทธิ์มีระยะเวลา 50 ปี
ประโยชน์ของการปฏิบัติตามกฎหมายลิขสิทธิ์
- ประโยชน์ต่อตนเอง เจ้าของลิขสิทธิ์มีแรงจูงใจในการผลิตหรือสร้างสรรค์ผลงานที่มีประโยชน์ต่อไป
- ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม ประชาชนได้รับความรู้และความบันเทิงจากผลงานคุณภาพ
แหล่งที่มาของเนื้อหา : สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช www.wpp.co.th