หน้าหลัก

สังคมศาสนา ม.1 เรื่อง ประวัติและการปฏิบัติตนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา


วันมาฆบูชา คล้ายวันที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ เป็นการประชุมครั้งแรก มีองค์ประกอบ ๔ ประการ เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต คือ

– เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3

– พระสงฆ์สาวก 1,250 รูปประชุมโดยมิได้นัดหมาย

– พระสงฆ์ที่ประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์

– พระสงฆ์ที่ประชุมได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้า

วันวิสาขบูชา เป็นวันคล้ายวันประสูติ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี วันตรัสรู้ ก่อนพุทธศักราช 45 ปี แล้ววันปรินิพพาน ก่อนพุทธศักราช 1 ปี ซึ่งเหตุการณ์ทั้งสามเกิดวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์ จึงเรียกว่า วันพระพุทธเจ้า

วันอัฏฐมีบูชา เป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงสรีระพระพุทธเจ้า

วันอาสาฬหบูชา มีเหตุการณ์สำคัญ ได้แก่

– เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา

– มีพระสงฆ์องค์แรก

– มีพระรัตนตรัยครบ องค์ 3
การปฏิบัติตนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชาวพุทธปฏิบัติดังนี้

– ทำบุญ ตักบาตร กรวดน้ำ

– ฟังธรรม

– รักษาศีล ฝึกสมาธิ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์

– งดใช้แรงงาน

– ช่วยเพื่อนมนุษย์ และสัตว์

– แผ่เมตตา

– เวียนเทียน

ระเบียบพิธีเวียนเทียนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ปฏิบัติดังนี้

– เตรียมดอกไม้ ธูป เทียน

– ทางวัดจะตีระฆังเมื่อถึงเวลา

– ตั้งแถวเตรียม เวียนเทียน

– หันหน้าเข้าพระอุโบสถ

– แถวเวียนไปทางขวาของสถานที่

– สำรวม ครบ 3 รอบ นำดอกไม้ ธูป เทียน ไปปักที่ทางวัดเตรียมไว้

– ประชุมพร้อมกันหน้าอุโบสถ

– ทำวัตรสวดมนต์ค่ำ รับศีล 5 ฟังธรรม

– กราบพระรัตนตรัย

การบริหารจิตและการเจริญปัญญา ทำให้จิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส มีความรู้เข้าใจสิ่งต่างๆ ตามจริง มีหลายวิธี แต่วิธีที่นิยม คือ

การบริหารจิตและการเจริญปัญญาตามหลักสติปัฏฐานเน้นอานาปานสติ

สติปัฏฐาน มี 4 ประการ คือ

– การตั้งสติกำหนดพิจารณากาย

– การตั้งสติกำหนดพิจารณาเวทนา

– การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต

– การตั้งสติกำหนดพิจารณาธรรม

อานาปานสติ นิยม 3 วิธี คือ

– วิธีนับ

– วิธีบริกรรมแบบพุทโธ

– วิธีบริกรรมแบบพองหนอ–ยุบหนอ

การบริหารจิตตามหลักสติปัฏฐานเน้นอานาปานสติ

วิธีปฏิบัติการบริหารจิต มีดังนี้

– เลือกสถานที่

– กำหนดเวลา

– สมาทานศีล

– บูชาพระรัตนตรัย

– แผ่เมตตา

– ตัดความกังวล

– ฝึกปฏิบัติ

ขั้นฝึกปฏิบัติของการเจริญปัญญา เมื่อจิตฝึกฝนจนสงบและมีประสิทธิภาพ ปัญญาก็จะเกิด ซึ่งการเจริญหรือฝึกฝนอบรมตนให้เกิดปัญญามีหลายวิธีตามประเภทปัญญา ได้แก่

– สุตมยปัญญา

– จินตามยปัญญา

– ภาวนามยปัญญา

ประโยชน์ของการบริหารจิตและการเจริญปัญญา

– ด้านการดำรงชีวิตประจำวัน ได้แก่ จิตใจสบาย สุขภาพดี

– ด้านการพัฒนาบุคลิกภาพ ได้แก่ สงบ กระฉับกระเฉง

– ด้านที่เป็นเป้าหมายสูงสุด ได้แก่ เข้าถึงนิพพาน

การพัฒนาการเรียนรู้ด้วยวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ การคิดพิจารณาเป็นระบบ ละเอียด รอบคอบ รอบด้าน และถูกต้อง เช่น

– วิธีคิดแบบคุณค่าแท้–คุณค่าเทียม เป็นวิธีคิดแบบบรรเทาตัณหา

– วิธีคิดแบบคุณ–โทษและทางออก เป็นการคิดข้อดี ข้อเสีย และทางแก้

cr. สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช www.wpp.co.th