1. การปรับอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ
จะช่วยกระตุ้นลูกรักในครรภ์ การศึกษาทางการแพทย์พบว่า คุณแม่ที่อารมณ์ดีอยู่เสมอจะทำให้ร่างกายมีการหลั่งสารแห่งความสุขที่เรียกว่า เอนดอร์ฟิน ออกมาผ่านไปทางสายสะดือไปยังลูก ทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งสมอง (IQ) และอารมณ์ (EQ) รวมถึงตอนคุณพ่ออารมณ์ดี ๆ เข้ามากอดท้องแม่ มาคุยกับลูก เสียงคุณพ่อก็สร้างความอบอุ่นและปลอดภัยมาก ๆ ค่ะ
2. การฟังเพลง
เสียงเพลงกระตุ้นจะทำให้เครือข่ายใยประสาทที่ทำงานเกี่ยวกับการได้ยินของลูกมีพัฒนาการดีขึ้น เมื่อลูกคลอดออกมา มีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง รู้สึกผ่อนคลาย และจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดี คุณพ่ออาจจะร้องเพลงให้ลูกฟังเอง หรือ หาเพลงให้คุณแม่และลูกฟัง โดยควรจะเปิดเพลงให้อยู่ห่างจากหน้าท้องประมาณ 1 ฟุต และเปิดเสียงดังพอประมาณเพื่อลูกในครรภ์จะได้ฟังเสียงเพลงไปด้วย
3. การพูดคุยกับลูก
การพูดคุยกับลูกในครรภ์บ่อย ๆ จะช่วยให้ระบบประสาทและสมองที่ควบคุมการได้ยินมีพัฒนาการที่ดีและเตรียม พร้อมสำหรับการได้ยินหลังคลอด คุณพ่อคุณแม่ควรพูดกับลูกบ่อย ๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ประโยคซ้ำ ๆ เพื่อให้ลูกคุ้นเคย
4. การนวดหรือลูบหน้าท้อง
การลูบหน้าท้องจะกระตุ้นระบบประสาทและสมองส่วนรับรู้ความรู้สึกของลูกให้มีพัฒนาการดีขึ้น การลูบท้องควรลูบเป็นวงกลม จากบนลงล่างหรือจากล่างขึ้นบน บริเวณไหนก่อนก็ได้
5. การส่องไฟที่หน้าท้อง
ลูกในท้องสามารถกระพริบตาตอบสนองต่อแสงไฟที่กระตุ้นได้ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 7 เดือน การส่องไฟที่หน้าท้องจะทำให้เซลล์สมองและเส้นประสาทส่วนรับภาพและการมองเห็น มีพัฒนาดีขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการมองเห็นภายหลังคลอด
6. การออกกำลังกาย
เวลาคุณแม่มีการออกกำลังกาย ลูกที่อยู่ในครรภ์ก็จะมีการเคลื่อนไหวตามไปด้วย และผิวกายของลูกจะไปกระแทกกับผนังด้านในของมดลูก ซึ่งจะกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสของลูกให้พัฒนาดีขึ้น
7. เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
เนื้อสมองของลูกน้อยในครรภ์มีองค์ประกอบเป็นไขมัน โดยเฉพาะไขมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว 60% กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ความสำคัญคือ DHA ซึ่งมีมากในอาหารปลาพวกปลาทะเลและสาหร่ายทะเล และ ARA ซึ่งมีมากในอาหารพวกน้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเม็ดทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด เป็นต้น คุณพ่อต้องหาอาหารประเภทนี้ให้คุณแม่กินบ่อย ๆ ลูกก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย
8. การเดินเล่นกระตุ้นทารกในครรภ์
การออกไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายถือเป็นการออกกำลังกายเบา ๆ ยิ่งช่วงเวลาเช้าหรือเย็นที่อากาศดี ไม่ร้อนเกินไปจะช่วยให้สดชื่นจากการรับออกซิเจนได้ด้วย คุณพ่อควรชวนและพาคุณแม่ไปเดินเล่นด้วยกันบ่อย ๆ ค่ะ
9. การให้ลูกเตะ
คุณพ่อคุณแม่อาจจะเล่นหรือกระตุ้นลูกด้วยการเอามือลูบ หรือกระตุ้นให้ลูกเตะมากขึ้น เมื่อลูกได้รับการกระตุ้นจากภายนอกก็จะขยับตัวมากขึ้น ช่วยให้ลูกได้ออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสายอยู่ในท้อง และยังทำให้ทราบว่าลูกยังเคลื่อนไหวเป็นปกติอยู่ค่ะ
10. การอ่านหนังสือและนิทานให้ลูกฟัง
การอ่านหนังสือคล้ายกับการพูดคุย หรือให้ลูกฟังเพลง เป็นการกระตุ้นการได้ยินของลูก การเล่านิทานหรืออ่านหนังสือให้ลูกฟังช่วยให้แม่ได้ผ่อนคลายและช่วยให้ลูกในท้องจดจำเสียงพ่อแม่ได้ตั้งแต่ในครรภ์