หน้าหลัก

กรดโฟลิก มีผลดีต่อลูกยังไง

กรดโฟลิกหรือ Omega-3 fatty acids เป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของไขมันที่พบได้ในปลาและอาหารทะเล และยังพบได้ในเนื้อสัตว์บางชนิด เช่น แฮม เนื้อวัว เป็นต้น

กรดโฟลิกหรือ Omega-3 fatty acids เป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของไขมันที่พบได้ในปลาและอาหารทะเล และยังพบได้ในเนื้อสัตว์บางชนิด เช่น แฮม เนื้อวัว เป็นต้น ผลกระทบต่อลูกมีดังนี้

  1. สมดุลฮอร์โมน การได้รับกรดโฟลิกเพียงพอจะช่วยสร้างสมดุลฮอร์โมนและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการเซลล์มะเร็งในลูกมีด โดยเฉพาะในระหว่างการคลอด

  2. พัฒนาการสมอง การบริโภคกรดโฟลิกในระยะก่อนและหลังการตั้งครรภ์จะช่วยในการพัฒนาสมองของลูกมีด รวมถึงช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และการจดจำในภายหลัง

  3. การเจริญเติบโตและพัฒนาของต่อมน้ำเหลือง การได้รับกรดโฟลิกในปริมาณที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการเจริญเติบโตและพัฒนาของต่อมน้ำเหลืองในลูกมีด

  4. ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด การบริโภคกรดโฟลิกในปริมาณเพียงพอสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยลดระดับไขมันในเลือดและลดความดันโลหิต

  5. ลดอาการอักเสบและอาการปวดเมื่อเกิดการอักเสบ การบริโภคกรดโฟลิกอย่างเพียงพอสามารถช่วยลดอาการอักเสบและอาการปวดเมื่อเกิดการอักเสบในร่างกายได้

  6. ลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า การได้รับกรดโฟลิกอย่างเพียงพอสามารถช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์

  7. ลดอาการคลื่นไส้และอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ การบริโภคกรดโฟลิกอย่างเพียงพอสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้และอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ เช่น ปวดศีรษะ อาการเหนื่อยล้า และการนอนไม่หลับ

การได้รับกรดโฟลิกสามารถทำได้โดยการบริโภคอาหารที่มีปริมาณกรดโฟลิกสูง เช่น ปลาที่มีไขมันสูง เช่น แซลมอน ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ฯลฯ นอกจากนี้ยังสามารถได้รับผ่านการเติมเต็มด้วยแคปซูลกระดูกปลาหรือซุปเปอร์ฟู้ดผสมกระเทียม แต่การเติมเต็มด้วยซุปเปอร์ฟู้ดผสมกระเทียมควรคำนึงถึงปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับด้วย เนื่องจากบางครั้งอาจมีปริมาณแคลอรี่สูงเกินไปและอาจทำให้เกิดน้ำหนักเกินขึ้น

ปริมาณโฟลิก ที่ควรได้รับต่อวัน

ปริมาณกรดโฟลิกที่ควรได้รับต่อวันขึ้นอยู่กับช่วงอายุและสภาวะของร่างกายของแต่ละบุคคล โดยปกติแล้ว ผู้ใหญ่ต้องการปริมาณกรดโฟลิกประมาณ 1000-1200 มิลลิกรัมต่อวัน ในขณะที่ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และผู้สูงอายุจะต้องการปริมาณมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม การบริโภคกรดโฟลิกมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการไม่เป็น หรือทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การบริโภคอาหารที่มีกรดโฟลิกเพียงพอ และการใช้เสริมอาหารเมื่อจำเป็นต้องใช้ ควรคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสมและเหมาะกับแต่ละบุคคล โดยควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนใช้เสริมอาหาร อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการใช้เสริมอาหารที่มีปริมาณกรดโฟลิกเกินไปและที่ไม่ได้รับการรับรองจากองค์กรต่างๆ เช่น FDA (องค์กรอาหารและยา) หรือ GMP (Good Manufacturing Practices) เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพและการบริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ