หน้าหลัก

แคลเซียม มีผลดีต่อลูกยังไง

แคลเซียมเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาของเซลล์และกระดูกของลูกน้อย และยังมีผลดีต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาของระบบประสาทและการทำงานของกล้ามเนื้อในลูกน้อยด้วย

แคลเซียมเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาของเซลล์และกระดูกของลูกน้อย และยังมีผลดีต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาของระบบประสาทและการทำงานของกล้ามเนื้อในลูกน้อยด้วย

นอกจากนี้ แคลเซียมยังช่วยในการสร้างฟันและกระดูกแข็งแรง รวมถึงเพิ่มความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันในลูกน้อย และลดความเสี่ยงของภาวะคลื่นไส้และภาวะโลหิตจางในแม่หญิงที่อายุครรภ์

การบริโภคแคลเซียมเพียงพอสำหรับแม่ที่อายุครรภ์จะช่วยให้ลูกน้อยมีสุขภาพแข็งแรงและพัฒนาการได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นแม่ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นมและผลไม้เน้นเนื้อเนียน และสามารถรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำได้ด้วย

อาหารอะไรที่มีแคลเซียม

อาหารที่มีแคลเซียมสูง ๆ ประกอบไปด้วย:

  1. นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นมข้น, นมเปรี้ยว, ชีส, โยเกิร์ต
  2. ผักใบเขียวและผักเหลือง เช่น ผักกาดขาว, ผักกาดแก้ว, ผักขึ้นช่าย, ผักบุ้งจีน, ผักกระเฉด
  3. ปลาและอาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทู, กุ้ง, หอยนางรม
  4. เมล็ดและเมล็ดธัญพืช เช่น ถั่วเหลือง, เมล็ดทานตะวัน, ชาวดอกไม้, ข้าวโพด
  5. อาหารเสริมแคลเซียม เช่น น้ำมะพร้าว, น้ำเต้าหู้, แคลเซียมซิตราเต็มเลเที่ยม, แคลเซียมคาร์บอเนต

การบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูงสามารถช่วยสร้างกระดูกแข็งแรง และช่วยในการลดความเสี่ยงของภาวะคลื่นไส้และภาวะโลหิตจางในแม่หญิงที่อายุครรภ์ได้ อย่างไรก็ตาม การบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูงเกินไปอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพได้ ดังนั้นควรรับประทานอย่างเหมาะสมและสมดุลกับอาหารอื่นๆ ในปริมาณที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน

ปริมาณแคลเซียมที่แนะนำให้ได้รับต่อวันขึ้นอยู่กับช่วงอายุและสภาวะทางสุขภาพของแต่ละบุคคล ดังนั้น ข้อมูลด้านล่างเป็นปริมาณแคลเซียมที่แนะนำให้ได้รับต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ทั่วไป:

  • ผู้ใหญ่ชายและหญิงอายุ 19-50 ปี: 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ผู้หญิงที่อายุมากกว่า 50 ปีและผู้ชายที่อายุมากกว่า 70 ปี: 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ผู้หญิงที่อายุมากกว่า 70 ปีและผู้ชายที่อายุมากกว่า 50 ปี: 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน

อย่างไรก็ตาม หากมีภาวะโรคหรือปัจจัยเสี่ยงอื่นที่ส่งผลต่อการดูแลสุขภาพ อาจต้องปรับปรุงปริมาณแคลเซียมที่ได้รับต่อวันให้เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย