หน้าหลัก

โรคไข้เลือดออกอันตรายแค่ไหน ต่อคุณแม่ตั้งครรภ์

โรคไข้เลือดออก (dengue hemorrhagic fever) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค มักพบในประเทศเขตร้อนและระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี

โรคไข้เลือดออก แบ่งเป็น 4 ระยะ

ระยะแรก

  • มีไข้สูงกว่า 38 องศา ผ่านไป 3-4 วัน ไข้ยังไม่ลด

  • ปวดกระดูกเหมือนกระดูกจะแตก ปวดเบ้าตา

  • ผื่นขึ้นเป็นปื้น ๆ

ระยะที่ 2

  • มีจุดเลือดตามผิวหนังทั่วตัวเหมือนรอยยุงกัด แต่มีสีเลือดออกชัดเจนกว่า

  • มีเลือดกำเดาไหล เลือดออกตามเหงือก

  • อาเจียนเป็นเลือด

ระยะที่ 3

  • ไข้จะลงก่อนเกิดภาวะช็อก

  • ความดันต่ำลง แต่หัวใจจะเต้นเร็วขึ้น

  • กระสับกระส่าย เหงื่อออกมาก

ระยะที่ 4

  • มีภาวะช็อกขั้นรุนแรง

  • ความดันต่ำมากจนวัดความดันไม่ได้

  • เลือดไม่ไปเลี้ยงตับและไต และเสียชีวิตในที่สุด

หากคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นไข้เลือดออก จะส่งผลกระทบต่อลูกอย่างไร?

1. ไตรมาสแรก (12 สัปดาห์แรก) ถ้าเป็นไข้เลือดออก จะทำให้ลูกในครรภ์แท้งได้

2. ไตรมาสสอง (12-28 สัปดาห์) แม่ท้องเป็นไข้เลือดออกช่วงนี้ จะเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด ลูกที่คลอดออกมามีน้ำหนักน้อย แต่ลูกจะปลอดภัย เพราะเชื้อไวรัสยังเข้าไม่ถึงลูก แต่ถ้าแม่ท้องเป็นไข้เลือดออกในระยะที่ 3-4 ลูกจะเสียชีวิตในครรภ์

3. ไตรมาสสาม (29-40 สัปดาห์) หากแม่ท้องช่วงนี้เป็นไข้เลือดออกในระยะที่ 2 ลูกจะติดโรคไข้เลือดออกผ่านทางสายสะดือ

แต่ถ้าแม่ท้องเป็นไข้เลือดออกระยะที่ 3-4 ลูกจะเสียชีวิตในครรภ์ หากคลอดเองแม่จะตกเลือด และถ้าผ่าคลอดยิ่งเสียเลือดมากจนอาจเสี่ยงเสียชีวิตได้

การระวังและป้องกันโรคไข้เลือดออก

  1. หลีกเลี่ยงสถานที่เที่ยวที่มีแหล่งน้ำขัง เช่น น้ำตก เขื่อน แอ่งน้ำต่าง ๆ เนื่องจากมียุงชุม และไม่รู้เลยว่ายุงที่กัดคือยุงลายที่เป็นพาหะของโรคไข้เลือดออกหรือไม่

  2. ปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยและที่ทำงาน ไม่ควรให้มีน้ำขังอยู่ภายในอาคารและสถานที่ ซึ่งยุงลายวางไข่ได้ นอกจากนี้ยุงลายมักหากินกลางวัน ต้องระวังช่วงแม่ท้องนอนกลางวันหรือตอนบ่ายด้วย

  3. เฝ้าสังเกตอาการของตัวเอง หากมีไข้ขึ้นสูงเกิน 38 องศา ไข้ไม่ลงใน 3-4 วัน ปวดเบ้าตา ปวดกระดูก ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือด

คำแนะนำ หากมีไข้สูง ต้องรีบไปพบแพทย์นะคะ