ประโยชน์ของกีวี่ สำหรับคนท้อง
กีวี่ เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและวิตามินเค นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยโฟเลต (Folate) ที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาสมอง ความสามารถในการรับรู้ และกระบวนการพัฒนาของทารกในครรภ์ มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (Neural tube defects) ซึ่งเป็นความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดของระบบประสาทส่วนกลางและไขสันหลัง นอกจากนี้ การกิน กีวี่ ตอนท้องยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ดังนี้
1.ช่วยในการย่อยอาหาร กีวี่เป็นผลไม้ที่มีปริมาณไฟเบอร์มาก ซึ่งมีส่วนช่วยในระบบการขับถ่าย ช่วยให้ขับถ่ายได้คล่อง ป้องกันอาการท้องผูก ท้องอืด และช่วยลดอาการปวดท้องได้
2.ช่วยจัดการระดับน้ำตาลในเลือด กีวี่เป็นผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic index หรือ GI) ต่ำ กีวี่ 100 กรัม จะมีน้ำตาลกลูโคส (Glucose) อยู่เพียง 5 กรัมเท่านั้น กีวี่จึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับคนท้องที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
3.เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่บางคนอาจจะอ่อนแอลงและทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย การรับประทานกีวี่ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซี จึงมีส่วนช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้เป็นปกติ โดยวิตามินซีในกีวี่จะไปเพิ่มความแข็งแรงของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ วิตามินซียังมีส่วนช่วยลดอาการอ่อนล้าที่เกิดจากการตั้งครรภ์ได้อีกด้วย
4.กระตุ้นสารสื่อประสาท วิตามินซีในกีวี่มีส่วนช่วยเสริมสร้างสารสื่อประสาท บำรุงการทำงานของสมอง หากคุณแม่รับประทานกีวี่จะช่วยให้ทารกในครรภ์ได้รับสารอาหารชนิดนี้ไปด้วย เป็นการเสริมสร้างพัฒนาการของสมองทารกในครรภ
5.ป้องกันโลหิตจาง เมื่อตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะอ่อนแอได้ง่าย เพราะจะต้องแบ่งแร่ธาตุบางส่วนไปให้ทารกในครรภ์ โดยเฉพาะธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุที่ทารกในครรภ์ต้องการเป็นอย่างมาก จึงทำให้คุณแม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคโลหิตจางได้ ซึ่งวิตามินซีมีส่วนช่วยดูดซับและจับธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
6.ช่วยสมานแผลและเสริมสร้างกระดูก วิตามินเคในกีวี่ช่วยทำให้เลือดแข็งตัวตามปกติ หลังจากการคลอดจะทำให้แผลจากการคลอดนั้นสมานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ วิตามินเคที่มีอยู่ในกีวี่ยังมีส่วนช่วยพัฒนากระดูกอีกด้วย
ข้อควรระวังในการกินกีวี่ตอนท้อง แม้จะพบผู้ที่แพ้กีวี่จำนวนน้อยราย แต่สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้น้ำยาง เกสรดอกไม้ อะโวคาโด หรือเกาลัด อาจทำให้เกิดอาการแพ้กีวี่ได้เช่นกัน หากรับประทานกีวี่เข้าไปแล้วมีอาการคันบริเวณปากและลำคอ มีผื่นคันขึ้นหรือเกิดการอักเสบ มีอาการปวดท้อง อาเจียน ควรหยุดรับประทานในทันที และควรไปหาคุณหมอเพื่อขอรับคำแนะนำและรักษาต่อไป